อาการหูอื้อเกิดจากอะไร?

หูอื้อ

การได้ยินเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำรงชีวิต ช่วยให้เราสามารถสื่อสาร เรียนรู้ และรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวได้ หากหูอื้อจะส่งผลให้เกิดความลำบากในการสื่อสาร การเรียน การทำงาน และการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหูอื้อ มีดังนี้

เสียงดัง: เสียงดังเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้หูอื้อ เสียงดังในระดับสูง เช่น การฟังเพลงด้วยหูฟังเสียงดัง การทำงานในสถานที่ที่มีเสียงดัง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม สนามแข่งรถ หรือสถานบันเทิง หรือการอยู่ใกล้กับเสียงดัง เช่น เสียงระเบิด เสียงปืน เสียงเครื่องบิน เป็นต้น ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจทำให้หูอื้อได้ เสียงดังจะทำให้เกิดแรงกระแทกในหูชั้นใน ส่งผลให้เยื่อแก้วหูและกระดูกหูเสียหาย เกิดการอักเสบ และอาจทำให้เส้นประสาทหูเสียหายได้ อาการหูอื้อจากเสียงดังอาจเกิดขึ้นทันทีหรือค่อยๆ เป็นมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดหู เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน

ขี้หูอุดตัน: ขี้หูเป็นสารคัดหลั่งตามธรรมชาติที่ผลิตโดยต่อมไขมันในช่องหูชั้นนอก ช่วยปกป้องหูชั้นนอกจากสิ่งแปลกปลอม ขี้หูที่อุดตันช่องหูอาจทำให้ได้ยินเสียงเบาลงหรือหูอื้อได้ และขี้หูอุดตันอาจเกิดจากการทำความสะอาดหูด้วยไม้พันสำลี ซึ่งอาจดันขี้หูเข้าไปอุดตันช่องหูมากขึ้น หรือเกิดจากการว่ายน้ำบ่อยๆ ซึ่งอาจทำให้ขี้หูนิ่มและอุดตันได้ง่าย

โรคหูชั้นกลางอักเสบ: โรคหูชั้นกลางอักเสบเกิดจากการติดเชื้อในหูชั้นกลาง ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา การติดเชื้อในหูชั้นกลางอาจทำให้เยื่อแก้วหูอักเสบและบวม ส่งผลให้ได้ยินเสียงเบาลงหรือหูอื้อได้ และโรคหูชั้นกลางอักเสบมักพบในเด็กเล็ก 

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน: โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน อาจเกิดจากการติดเชื้อ ภูมิแพ้ หรือการเปลี่ยนแปลงความดันอากาศ เช่น การขึ้นเครื่องบินหรือดำน้ำ อาจทำให้ได้ยินเสียงดังในหู หรือหูอื้อได้

โรคเส้นประสาทหูเสื่อม: โรคเส้นประสาทหูเสื่อมเป็นโรคที่เส้นประสาทหูซึ่งเป็นอวัยวะรับเสียงในหูชั้นในเสื่อมสภาพ ส่งผลให้ได้ยินเสียงเบาลงหรือหูอื้อ โรคเส้นประสาทหูเสื่อมอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม และการติดเชื้อ ยาบางชนิด โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน

จากสาเหตุของอาการหูอื้อที่กล่าวมาข้างต้นหลีกเลี่ยงได้โดยไม่ควรฟังเพลงด้วยหูฟังเสียงดังเกิน 60 เดซิเบล หรือไม่ควรทำงานในสถานที่ที่มีเสียงดังเกิน 85 เดซิเบลคุณควรทำความสะอาดหูอย่างถูกวิธี ใช้สำลีชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดช่องหูชั้นนอกเบาๆ อย่าใช้ไม้พันสำลี และมีการตรวจสุขภาพหูเป็นประจำ หากมีอาการหูอื้อ ปวดหู เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างทันท่วงที และอาการหูอื้ออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น หากมีอาการหูอื้อ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างทันท่วงที